Home
COMMITTEE
CURRENT COMMITTEE
FORMER PRESIDENTS
ABOUT TSBA
HISTORY
REGULATIONS
MEMBER
ORDINARY
EXTRAORDINARY
INFORMATION
NEWS
ARTICLES
CONTACT US
Menu
Home
COMMITTEE
CURRENT COMMITTEE
FORMER PRESIDENTS
ABOUT TSBA
HISTORY
REGULATIONS
MEMBER
ORDINARY
EXTRAORDINARY
INFORMATION
NEWS
ARTICLES
CONTACT US
Facebook
Twitter
Instagram
Youtube
ARTICLES สมาคมฯ ร่วมงานวันคล้ายวันสถาปนากรมเจ้าท่าครบ 161 ปี เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2563
Prev
Previous
พิธีปล่อยเรือลงน้ำ : ASIMAR ส่งมอบเรือโดยสารปรับอากาศ Riva Express ให้เรือด่วนเจ้าพระยาคุณสุรเดช ตัณฑ์ไพบูลย์ (ที่ 3 จากขวา) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชียน มารีน เซอร์วิสส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASIMAR พร้อมด้วย คุณสุภาพรรณ พิชัยรณรงค์สงคราม (กลาง) ประธานกรรมการ บริษัท เรือด่วนเจ้าพระยา จำกัด ให้เกียรติถ่ายภาพเป็นที่ระลึกร่วมกับคณะผู้บริหารระดับสูง ในงานพิธีปล่อยเรือลงน้ำ เรือโดยสารอลูมิเนียมปรับอากาศชั้นครึ่ง (Riva Express) จำนวน 4 ลำ โดย ASIMAR ได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้ต่อสร้างเรือในครั้งนี้ เพื่อยกระดับคุณภาพของเรือโดยสารให้มีมาตรฐานสากล มุ่งเน้นรองรับความต้องการของผู้โดยสารที่สัญจรในแม่น้ำเจ้าพระยา ให้ได้รับความปลอดภัยและความสะดวกสบาย และเป็นการเชื่อมต่อกับระบบขนส่งมวลชนอื่น เช่น รถไฟฟ้าสายต่างๆ โดยจะเริ่มให้บริการในวันที่ 1 เมษายน 2563 นี้ โดยเรือ Riva Express นี้นับเป็นเรือโดยสารปรับอากาศชุดแรกของเรือด่วนเจ้าพระยา มีความยาว 23.90 เมตร กว้าง 7 เมตร และมีน้ำหนักราว 25 ตัน ระบบขับเคลื่อนใช้เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 350 แรงม้า จำนวน 2 เครื่อง ทำความเร็วเรือสูงสุดได้ 18 นอต รองรับผู้โดยสารได้ถึงลำละ 200 ที่นั่ง เป็นแบบเรือที่ใช้วัสดุจากอะลูมิเนียมที่ให้น้ำหนักเบาช่วยให้ประหยัดพลังงาน มีความสามารถในการทรงตัวดี มีคลื่นน้ำน้อย โครงการนี้ใช้เวลาในการต่อสร้างทั้งสิ้น 7 เดือน ภายใต้การควบคุมคุณภาพตามมาตรฐาน ISO 9001 : 2015 และคำนึงถึงผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐาน ISO 14001 : 2015
Next
อู่ต่อเรือ บริษัท มาริอาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด รับงานต่อเรือไฟฟ้าให้ กทม. พร้อมให้บริการเส้นทางคลองผดุงกรุงเกษมเดือนธันวาคมนี้ / วันนี้ (18 ส.ค.) เวลา 10.00 น. นายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ตรวจเยี่ยมการต่อเรือไฟฟ้า จำนวน 7 ลำ ตามสัญญาโครงการพัฒนาระบบการเดินเรือในคลองผดุงกรุงเกษม โดยมี นายสมศักดิ์ ชาติสุขศิริเดช ผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารสำนักการจราจรและขนส่ง ผู้บริหารบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้การต้อนรับ ณ อู่ต่อเรือ บริษัท มาริอาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด ตำบลคลองด่าน อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ รองผู้ว่าฯ สกลธี กล่าวว่า การตรวจเยี่ยมครั้งนี้เพื่อดูความคืบหน้าการต่อเรือที่จะนำมาให้บริการในเส้นทางคลองผดุงกรุงเกษม ซึ่งเป็นโครงการตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ให้ความสำคัญในการเดินเรือในคลองและต้องเป็นระบบที่อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมด้วย ซึ่งในอนาคตการเดินทางด้วยเรือในคลองของกรุงเทพมหานครจะเป็นรูปแบบเรือไฟฟ้าทั้งหมด โดยโครงการเดินเรือในคลองผดุงกรุงเกษม เริ่มให้บริการมาตั้งแต่เดือน ต.ค. 61 เป็นเรือไฟฟ้า 1 ลำ เรือดีเซล 1 ลำ และเรือของสำนักการระบายน้ำ ซึ่งกรุงเทพมหานคร ได้จัดหาเรือมาเพิ่มอีก จำนวน 7 ลำ โดยมอบหมายให้บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด เป็นผู้ดำเนินโครงการ อย่างไรก็ตาม คาดว่า การต่อเรือไฟฟ้าจะแล้วเสร็จทั้ง 7 ลำ ในเดือน พ.ย.นี้ โดยกำหนดนำมาให้บริการตั้งแต่ต้นเดือน ธ.ค.เป็นต้นไป ซึ่งช่วงเดือน ต.ค.น่าจะทยอยส่งมอบได้ก่อน 2-3 ลำ ปัจจุบันคลองผดุงกรุงเกษมมีเรือให้บริการ 2 ลำ ให้บริการทุกวัน ซึ่งเรือที่ต่อใหม่นี้จะบรรทุกผู้โดยสารได้ 30 ที่นั่ง และมีพื้นที่สำหรับวีลแชร์ 1 ที่ โดยจะใช้เวลาชาร์จไฟประมาณ 4 ชั่วโมง สามารถให้บริการได้ 5 ชั่วโมงหรือประมาณ 5 เที่ยว และมีแผงโซลาร์เซลล์ เป็นระบบไฟสำรองสามารถวิ่งได้อีก 1 ชั่วโมง 30 นาที ซึ่งจะเพียงพอในการให้บริการประชาชน เนื่องจากเส้นทางเดินเรือมีระยะทางเพียง 5 กม. จำนวน 11 ท่า จากสถิติพบว่าผู้โดยสารส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่ทำงานในหน่วยงานต่างๆ ตลอดเส้นทาง และมีนักเรียนใช้บริการด้วย อนาคตจะพัฒนาให้เป็นเส้นทางท่องเที่ยวสำหรับครอบครัว เนื่องจากมีสถานที่ท่องเที่ยวในเส้นทาง เช่น ตลาดนางเลิ้ง และยังสามารถต่อเชื่อมการเดินทางกับเรือในแม่น้ำเจ้าพระยาที่บริเวณท่าเรือเทเวศร์ สำหรับการจัดเก็บค่าโดยสารนั้น หลังจากทดลองให้บริการแล้วจะมีการเก็บค่าโดยสาร ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าอัตราจะอยู่ที่ 10 บาท ตลอดสาย ทั้งนี้ จะต้องหารือกับทางคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องก่อน นอกจากนี้ กรุงเทพมหานคร ยังมีโครงการเดินเรือในคลองแสนแสบจากวัดศรีบุญเรืองไปมีนบุรี ซึ่งขณะนี้มีงบประมาณในการต่อเรือแล้ว แต่จะต้องมีการปรับปรุงท่าเรือใหม่ แทนท่าเรือที่ชำรุด ด้านผู้บริหารบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด กล่าวด้วยว่า จากการสำรวจความพึงพอใจของผู้โดยสารเรือไฟฟ้าที่ผ่านมา พบว่า ผู้โดยสารมีความพึงพอใจมาก เพราะไม่มีมลพิษทางเสียงและกลิ่น รวมทั้งยังลดต้นทุนในเรื่องเชื้อเพลิงได้มาก โดยค่าน้ำมันในการเดินเรือ 1 ปี ใช้งบประมาณที่ 1 ล้านบาทต่อลำ เมื่อใช้เรือไฟฟ้ามีค่าไฟฟ้าเพียง 240,000 บาทต่อลำ สำหรับเรือที่ต่อใหม่ทั้ง 7 ลำนี้ ได้มีการปรับขนาดเรือให้เหมาะสมกับการเดินทางในคลองผดุงกรุงเกษมที่มีสะพานหลายจุดและตัวสะพานต่ำ โดยตัวเรือมีความยาว 9.90 ม. ความกว้าง 2.98 ม. รองรับผู้โดยสาร 30 ที่นั่ง น้อยกว่าเรือต้นแบบที่มี 40 ที่นั่ง เครื่องยนต์ของเรือใช้มาตรฐานเดียวกัน ขนาด 10 กิโลวัตต์ จำนวน 2 เครื่องยนต์ เทียบเท่าเครื่องยนต์ 20 แรงม้า และแบตเตอรี่ Li-on NMC ขนาดรวม 42 กิโลวัตต์ มีมาตรฐานป้องกันฝุ่น และน้ำ IP67 ทั้งตัวเครื่องยนต์และแบตเตอรี่ นอกจากนี้ ยังมีการนำระบบพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ เพื่อช่วยลดการใช้พลังงาน และเพิ่มระยะการเดินทางของเรือให้มากขึ้นด้วย โดยจะควบคุมความเร็วไม่เกิน 10 กม./ชั่วโมง ตามระเบียบของกรมเจ้าท่า อีกทั้งใช้เทคโนโลยีของประเทศเยอรมันซึ่งเป็นที่รู้จักระดับโลก สำหรับการเดินเรือในคลองผดุงกรุงเกษมได้กำหนดเดินเรือ จำนวน 11 ท่าเรือ ได้แก่ ท่าเรือสถานีรถไฟหัวลำโพง ท่าเรือหัวลำโพง ท่าเรือนพวงศ์ ท่าเรือยศเส ท่าเรือกระทรวงพลังงาน ท่าเรือแยกหลานหลวง ท่าเรือนครสวรรค์ ท่าเรือราชดำเนินนอก ท่าเรือประชาธิปไตย ท่าเรือเทเวศร์ และท่าเรือตลาดเทวราช ระยะทางรวม 5 กม. ครอบคลุมพื้นที่ 4 เขต ได้แก่ เขตพระนคร เขตดุสิต เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย และเขตปทุมวัน มีจุดเชื่อมต่อการเดินทาง จำนวน 4 จุด ได้แก่ จุดที่ 1 ต่อเรือด่วนเจ้าพระยา ที่ท่าเรือตลาดเทวราช จุดที่ 2 ต่อเรือแสนแสบ ที่ท่าเรือกระทรวงพลังงาน จุดที่ 3 ต่อรถไฟชานเมือง ที่ท่าเรือรถไฟหัวลำโพง และจุดที่ 4 ต่อรถไฟฟ้า MRT ที่ท่าเรือสถานีรถไฟหัวลำโพง ซึ่งปัจจุบันให้บริการเดินเรือในวันจันทร์-วันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 06.00-19.00 น. วันเสาร์-วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 08.00-19.00 น. ความถี่ในการเดินเรือประมาณ 30 นาทีต่อลำ
Next